วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

ดอกประดู่

  ดอกประดู่

              ประดู่ลำดวนยมโดย                           ลมโชยกลิ่นชวนหอมหวาน
        นางแย้มสายหยุดพุดตาล                          อังกาบชูก้านกระดังงา
                                                                            รามเกียรติ์  : พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1



ชื่อสามัญ Burma Padauk

ชื่อวิทยาศาสตร์ Plerocapus indicus. 

ตระกูล PAPILIONACEAE 

ลักษณะทั่วไปการเป็นมงคลตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูกการปลูกประดู่ประดู่เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ10-25 เมตรผิวเปลือกลำต้นมีสีดำหรือเทาลำต้นเป็นพูไม่กลมแตกกิ่งก้านสาขากว้างมีเรือนยอดทึบแตกเป็นสะเก็ดร่องตื้นๆใบเป็นช่อแตกออกจากปลายกิ่งมีใบย่อยประกอบอยู่ประมาณ 6-12 ใบ ลักษณะของใบเป็นรูปมนรีปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบเป็นมันสีเขียว ใบมีขนาดยาวประมาณ2-3 นิ้ว กว้างประมาณ 1-2 นิ้ว ออกดอกเป็นช่อออกตามปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็กสีเหลือง ผลมีขนเล็ก ๆปกคลุมขนาดผลโตประมาณ 4-6 เซนติเมตร

คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นประดู่ไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดพลังแห่งความยิ่งใหญ่เพราะ ประดู่ คือ ความพร้อม ความร่วมือ ร่วมใจสามัคคี มีพลังเป็ฯอันหนึ่งอันเดียวกัน นอกจากนี้ดอกของประดู่ยังมีลักษณะที่ระดมกันบานเต็มต้นดูลานตา ดังนั้นคนโบราณจึงได้เลือกเอาต้นประดู่เป็นไม้ประจำกอง กองทัพเรือ และคนไทยโบราณยังเชื่ออีกว่า ส่วนของแก่นไม้ยังใช้เป็นศิลปะการดนตรี ที่สำคัญของคนพื้นเมืองในสมัยโบราณอีกด้วย คือใช้ทำเป็นเครื่องเสียงพวกระนาด นั่นก็หมายถึง ความแข็งแกร่ง แข็งแรง

มะเกลือ

มะเกลือ 
               
๏ ตลาดแก้วแล้วไม่เห็นตลาดตั้ง
สองฟากฝั่งก็แต่ล้วนสวนพฤกษา
โอ้รินรินกลิ่นดอกไม้ใกล้คงคา
เหมือนกลิ่นผ้าแพรดำร่ำมะเกลือ

จาก นิราศภูเขาทอง/สุนทรภู่ 


เป็นไม้ยืนต้นในวงศ์ Ebenaceae พบขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วไป เรือนยอดเป็นพุ่มกลมกิ่งอ่อนมีขนนุ่ม ผลดิบของมะเกลือมีสรรพคุณเป็นยา จัดเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง สมัยก่อนนิยมใช้ยางผลมะเกลือไปย้อมผ้า

มะเกลือเป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลของจังหวัดสุพรรณบุรี  ในภาคเหนือเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า มะเกีย มะเกือ หรือ ผีผา ทางใต้เรียกว่า เกลือ แถบเขมร-ตราดเรียก มักเกลือ 


ลักษณะทั่วไป

มะเกลือไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10-30 เมตร ใบกว้าง 3.5-4.0 ซม. ยาว 9-10 ซม. เปลือกต้นมีสีดำแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ใบเป็นใบเดียวรูปรี ปลายใบแหลม ผลกลมผิวเกลี้ยง ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่สีดำ ผลแก่จัดจะแห้ง มีกลีบเลี้ยงติดบนผล 4 กลีบ ผลแก่ราวเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เมล็ด แบน สีเหลือง 4-5 เมล็ด ขนาดกว้าง 0.5-0.7 ซม. ยาว 1-2 ซม. ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด 

การปลูก

มะเกลือเป็นไม้ที่ปลูกโดยการใช้เมล็ด ขึ้นได้ดีกับดินแทบทุกชนิดเหมาะที่จะปลูกในฤดูฝน ต้นมะเกลือนี้หากถ้าโดยแดดจัดจะทำให้ผลดกมากแต่ใบไม่ค่อยงาม วิธีการปลูกให้เพาะกล้าเสียก่อนเช่นเดียวกันกับต้นไม้อื่นๆ แล้วนำเอาไปปลูกในหลุมที่เตรียมไว�สรรพคุณ
ผลมะเกลือ
ดอกมะเกลือ

สรรพคุณจากส่วนต่าง ๆ มีดังนี้

    * ผล มะเกลือดิบมีสรรพคุณเป็นยาขับพยาธิที่คนไทยรู้จักและใช้กันมานาน ผลมะเกลือมีรสเมาเบื่อ ขับพยาธิในลำไส้ ถ่ายตานซาง ถ่ายกระษัยโดยมากใช้กับเด็ก วิธีการคือ เอาลูกสดใหม่ไม่ช้ำ ตำคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำกะทิมะพร้าวดื่มทันที ห้ามเก็บไว้ จะเกิดพิษ ขับพยาธิไส้ เดือน พยาธิปากขอ พยาธิตัวตืด พยาธิเส้นด้าย จำนวนลูกเอาเท่าอายุ แต่ไม่เกิน 25 ลูก เอาดีเกลือ ฝรั่ง 10 กรัม ละลายน้ำสุก 1 แก้ว ดื่มตามหลัง 30 นาทวิธีการย้อมผ้าด้วยมะเกลือ

วิธีแรก คือนำผลดิบมาตำให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำสีเหลืองมาใช้ย้อมผ้า ผ้านั้นจะมีสีเหลือง แต่เมื่อตากให้แห้งจะมีสีเขียวจะต้องย้อมและตากแห้งอย่างนี้ซ้ำ ๆ กัน 5 - 6 ครั้ง ผ้าจะเปลี่ยนสีจนกระทั่งกลายเป็นสีดำตามต้องการ อีกวิธีหนึ่ง คือ นำผลสุกสีดำมาบดละเอียด กรองแต่น้ำสีดำมาย้อมผ้า โดยย้อมแล้วตาก แล้วนำกลับมาย้อมซ้ำอีกประมาณ 3 ครั้ง ถ้าจะให้ผ้ามีสีดำสนิทและเป็นมันเงาด้วย ให้นำผ้าไปหมักในดินโคลน 1 ? 2 คืน หรืออย่างน้อย 5 ชั่วโมงแล้วจากนั้นจึงนำมาซักให้สะอาด การย้อมผ้าด้วยมะเกลือ ค่อนข้างที่จะใช้เวลามาก ปัจจุบันจึงมีการเปลี่ยนไปใช้สีสังเคราะห์แทน เพราะสะดวกและใช้เวลาไม่มาก แต่ปัญหาที่พบ คือ สีสังเคราะห์ ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ย้อม ซึ่งอาการ คือ ผิวหนังเป็นผื่นอักเสบและติดเชื้อได้ง่าย ตาอักเสบ 

ช้องนาง

ช้องนาง

ช้องนาง

 “นาเวศเคลื่อนคล้อยคลา          ล่วงลอยตามชลธาร
ชมไม้ในอุทยาน                      บานเกลื่อนกล่นหล่นเรี่ยราย
ช้องนางนางคลี่ไว้                    คิดทรามวัยเคยสรงสยาย
กลิ่นร่ำน้ำอบอาย                     ไม่วายว่างห่างหอมเอยฯ”

(กาพย์เห่เรือ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 5)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Thunbergia repens Linn.
ชื่อภาษาอังกฤษ Bush Clock Vine

ช้องนางเป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอาฟริกา เป็นไม้พุ่มเตี้ย แตกกิ่งก้านหนาแน่นใบมนปลาย ใบแหลม ดอกมีสีม่วงเข้ม รูปกรวยปากแตร มีกลีบ ดอก 5 กลีบ ออกดอกได้ตลอดปี สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งในที่รำไรและกลางแจ้ง ขยายพันธุ์ได้โดยการตัดชำหรือการตอน

             

กุหลาบ

กุหลาบ

กุหลาบ

“…เที่ยวชมแถวขั้นรุกขชาติ
ดอกเกลื่อนดกกลาดหนักหนา
กาหลงกุหลาบกระดังงา
การะเกดกรรณิการ์ลำดวน…” 
       
วรรณคดี  :  “รามเกียรติ์”
ผู้ประพันธ์ : พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ชื่อพฤกษศาสตร์  :  Rosa damascema, Mill.
ชื่อสามัญ          :  Damask Rose, Persia Rose, Mon Rose
ชื่อวงศ์             :  Rosaceae

กุหลาบมอญเป็นไม้ดอกประเภทไม้พุ่มผลัดใบ  ลำต้นตั้งตรง  กิ่งก้านมีหนาม  พุ่มสูงประมาณ ๒ - ๓ เมตร  อายุยืน  แข็งแรง  เป็นไม้ที่ต้องการแสงแดดจัดอย่างน้อยวันละ ๖ ชั่วโมง  จึงควรปลูกในที่โล่งแจ้งแต่ควรเป็นที่อับลม  ขึ้นได้ในดินที่มีความอุดมสมบูรณ์พอ  ชอบน้ำ  แต่ไม่ชอบน้ำขัง  ดินจึงต้องระบายน้ำได้ดี  ชอบอากาศร้อนในตอนกลางวัน  และอากาศเย็นในตอนกลางคืน  กุหลาบมอญนี้ถือได้ว่าเป็นกุหลาบพื้นเมืองของไทย  ใบเป็นใบประกอบชนิดขนนก  มีหูใบ ๑ คู่  มีใบย่อย ๓ - ๕ ใบ  ในก้านช่อใบหนึ่ง ๆ ใบจัดเรียงแบบสลับ  ใบมีสีเขียวเข้มเป็นมัน  มีรอยย่นเล็กน้อย  ขอบใบเป็นจักละเอียด  เส้นกลางใบด้านท้องใบมีหนามห่าง ๆ   ดอกมีลักษณะค่อนข้างกลม  กลับดอกเรียงซ้อนกันหลายชั้น  วนออกนอกเป็นรัศมีโดยรอบ  ดอกมีสีชมพูอ่อน  สีชมพูเข้ม  ดอกมักออกเป็นช่อ  ทางปลายกิ่ง  กลีบดอกมีลักษณะปลายแหลมเรียว การขยายพันธ์ใช้วิธีตอนกิ่ง  

กระพ้อ

กระพ้อ

กระพ้อ

“…กระพ้อเงาะระงับกระจับบก
กระทกรกกระลำพอสมอไข่
ผักหวานตาลดำลำใย
มะเฟืองไฟไข่เน่าสะเดานา…”

วรรณคดี :  “ขุนช้างขุนแผน” ตอนขุนแผนลุแก่โทษ
ผู้ประพันธ์ :  สุนทรภู่
ชื่อพฤกษศาสตร์  :  Passiflora foetida, L.
ชื่อสามัญ          :  Stinking – Passion Flower
ชื่อวงศ์             :  Passifloraceae
ชื่ออื่น ๆ            :  หญ้ารกช้าง  กระโปรงทอง  เถาสิงโต

กระทกรกเป็นไม้ประเภทเถาเลื้อย  เถาเล็กสีเขียว  ใบเป็นใบเดี่ยว  แยกเป็น ๓ แฉกคล้ายใบตำลึง  ยาวประมาณ ๖ - ๗ ซ.ม.  แผ่นใบมีขนละเอียดปกคลุมจับนุ่มมือออกเป็นข้อ ๆ ละใบสลับข้างกัน  ก้านใบมีขนเห็นได้ชัด  หูใบมีลักษณะเป็นแผ่น  ปลายจักแหลม ๆ ขนาบอยู่ที่ฐานก้านใบ  ระหว่างฐานใบกับลำต้นมีมือเกาะลักษณะเป็นเส้นม้วนงอ  สำหรับเกาะให้เลื้อยขึ้นไปตามรั้วหรือต้นไม้อื่นที่อยู่ใกล้เคียง   ดอกเป็นดอกเดี่ยว  ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง  ๒ - ๓ เซนติเมตร  มีกาบใบเป็นฝอยร่างแห ๓ กาบ  กลีบเป็นเส้นฝอยละเอียดสีขาว  วงในเป็นสีม่วง  บอกในช่วงเช้าดอกออกตามซอกระหว่างก้านใบกับลำต้น  เมื่อดอกโรยจะติดผล   ผลมีลักษณะกลมเป็นพู  มีกาบใบเจริญเติบโตตามผลหุ้มผลไว้ผลหนึ่ง ๆ มีหลายเมล็ด ออกดอกตลอดปี  ผลรับประทานเล่นได้ 

การเวก

การเวก

การเวก

“…สามกษัตริย์เที่ยวชมบุปผชาติ     ดอกดกเดียรดาษในสวนขวัญ
เกดแก้วพิกุลแกมพิกัน                       จวงจันทร์ลำดวนกระดังงา…”

วรรณคดี :  “รามเกียรติ์”
ผู้ประพันธ์ :  พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ชื่อพฤกษศาสตร์  :  Artabotrys  siamensis
ชื่อสามัญ          :  Artabotrys
ชื่อวงศ์             :  Annonaceae
ชื่ออื่น ๆ              :  กระดังงาเถา  กระดังงา

การเวกเป็นไม้เถาขนาดกลางถึงใหญ่  เนื้อไม้แข็ง  มักพบตามป่าชื้นทั่ว ๆ ไปนิยมปลูกให้เลื้อยเป็นไม้ซุ้มตามเรือนต้นไม้  หรือซุ้มประตู  ใบร่มทึบ  อายุยืนมาก  ออกดอกตลอดปี  ขึ้นได้ดีในทุกที่ทุกแห่งที่มีความชื้นพอสมควร  ชอบอยู่กลางแจ้ง  ลำต้นอาจมีขนาดโคนต้นใหญ่ ๘ - ๑๒ นิ้ว    ลำต้นมีผิวเปลือกค่อนข้างเรียบ  สีเทาอมดำหรือน้ำตาล  มีกลิ่นเหม็นเขียวเพราะมีต้นน้ำมันกระจายอยู่    ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียวจัด  เป็นมัน  รูปมนรี  ปลายแหลม  ยาวประมาณ ๖ - ๗ นิ้ว  แต่กว้างกว่ากระดังงา     ดอกอ่อนเป็นสีเขียว  เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นขาว  เหลืองอ่อน  จนแก่จัดมีสีเหลืองเข้ม  มีกลิ่นหอมรุนแรงและส่งกลิ่นไปได้ไกล  ดอกเป็นกลีบเรียวยาวแยกจากกัน ๖ กลีบ  ดอกใหญ่กว่าและกลีบดอกหนากว่ากระดังงา  เมื่อดอกแก่จะร่วงเป็นผล   ผลมีลักษณะกลมรี  เป็นพวง  สีเขียว  และเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม  เมื่อผลแก่จัดภายในผลแก่มีเมล็ดสีดำเป็นเมือก ๆ การขยายพันธุ์  นิยมใช้กิ่งตอน  เพราะโตเร็วกว่าการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด 

สุพรรณิการ์

สุพรรณิการ์

สุพรรณิการ์

“…เล็บนางงามแสล้ม
ต้นนางแย้มแกมดองดึง
สุพรรณิกากากระทึง
ดอกราชพฤกษ์ซึกไทรไตร…”

วรรณคดี : กาพย์ห่อโคลง “ นิราศธารทองแดง”
ผู้ประพันธ์ : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์  “เจ้าฟ้ากุ้ง”
ชื่อพฤกษศาสตร์  :  Cochlospermum  religiosum
ชื่อสามัญ          :  Yellow  Slik-Cotton  Tree,  Butter-Cup  Tree
ชื่อวงศ์             :  Bixaceae

สุพรรณิการ์มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า  “ฝ้ายคำ”  เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูงประมาณ ๓ -๗ เมตร  ขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด  ชอบแสงแดดจัด  ออกดอกหลังจากใบร่วงหมดในราวเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ใบมีลักษณะมน  ขอบเว้าเป็น ๕ แฉก  กว้างประมาณ ๖ นิ้ว  ยาวประมาณ ๘ นิ้ว  ท้องใบมีขนอ่อน ดอกใหญ่มี ๕ กลีบ  สีเหลืองสด  กลีบดอกงุ้มเข้าหากันคล้ายถ้วย  ดอกมีขนาดกว้างประมาณ ๕ นิ้ว  กลางดอกมีเกสรตัวผู้มากมาย  เมื่อดอกโรยจะติดผล ผลมีลักษณะกลมรี  ภายในผลมีเมล็ดมีปุยคล้ายปุยฝ้าย การขยายพันธุ์  ใช้วิธีเพาะเมล็ด

พิกุล

พิกุล

พิกุล

“…เสือมองย่องแอบต้นตาเสือ
ร่มหูกวางกวางเฝือฝูงกวางป่า
อ้อยช้างช้างน้าวเป็นราวมา
สาลิกาจับกิ่งพิกุลกิน…”

วรรณคดี : “ขุนช้างขุนแผน”
ผู้ประพันธ์ :  สุนทรภู่
ชื่อพฤกษศาสตร์  :  Mimusope  elengi, L.
ชื่อสามัญ          :  Bullet  Wood
ชื่อวงศ์             :  Sapotaceae

พิกุลเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง  กิ่งก้านค่อนข้างแจ้  แบน  คล้ายต้นหว้า  มีพุ่มใบแน่น  เหมาะสำหรับปลูกไว้บังแดดตอนบ่าย  ดอกมีกลิ่นหอม   ใบเป็นใบเดี่ยว  สีเขียวเข้ม  ปลายแหลมมน  มีขนาดใบกว้างประมาณ ๗ ซ.ม. ยาวประมาณ ๑๕ ซ.ม. เส้นกลางใบด้านท้องใบนูน  ก้านใบยาวประมาณ ๓ ซ.ม.    ดอกออกเป็นช่อ  เป็นกระจุก  ดอกมีขนาดเล็กกว้างประมาณ ๑ ซ.ม.  กลีบดอกเล็กแคบยาวเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ มองดูริมดอกเป็นจักเล็ก    ผลกลมโตคล้ายละมุดสีดา  แต่เล็กกว่าเล็กน้อย  ผลสุกสีแดงแสด  ใช้รับประทานได้  รสฝาดหวานมัน การ      ขยายพันธุ์  ใช้เพาะเมล็ด หรือ ตอนกิ่ง ทางด้านสมุนไพร  เปลือกใช้ต้มเอาน้ำอมเป็นยากลั้วล้างปาก  แก้ปากเปื่อย  ปวดฟัน  ฟันโยกคลอน  เหงือกบวม  เป็นยาคุมธาตุ  ดอกแห้งใช้ป่นทำยานัตถุ์  แก้ไข้  ปวดศรีษะ  เจ็บคอ  แก้ปวดตามร่างกาย  แก้ร้อนใน  เมล็ดตำละเอียดปั้นเป็นยาเม็ดสวนทวาร 

ผกากรอง

ผกากรอง

ผกากรอง

“…มะลิวัลย์พันระกำขึ้นแกมจาก
ได้สามวันกรรมพรากไปจากห้อง
จำปีเคียงโศกระย้า  ผกากรอง
พี่โศกเศร้าเฝ้าตรองกว่าสองปี…”

วรรณคดี :  “ขุนช้างขุนแผน”
ผู้ประพันธ์ :  สุนทรภู่
ชื่อพฤกษศาสตร์  :  Lantana  camara, L.
ชื่อสามัญ          :  Cloth  of Gold,  Hedge  Flower,  Weeding  Lantana
ชื่อวงศ์             :  Verbenaceae
ชื่ออื่น ๆ            :  ก้ามกุ้ง  เบญจมาศป่า  ขะจาย  ขี้กา  คำขี้ไก่  เบ็งละมาศ  ไม้จีน

ผกากรองเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กสูงประมาณ ๒ - ๖ ฟุต  ขึ้นได้ในดินทุกชนิด  ชอบแล้งมากกว่าแฉะ  ชอบแสงแดดจัด  นิยมปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อดูดอกเพราะผกากรองให้ดอกสวยและดกตลอดปี ใบเป็นรูปไข่  ริมใบหยักเป็นจัก  ใบคายสากมือ  มีกลิ่นเหม็น      ดอกมีขนาดเล็กออกเป็นกระจุก  ขนาดโตประมาณ ๑ - ๑.๕ นิ้ว  มีหลายสี  เช่น  เหลืองอ่อน  แดง  ขาว  ม่วง  ชมพู  เหลืองเข้ม การขยายพันธุ์  ใช้วิธีเพาะเมล็ด  หรือตัดกิ่งปักชำ สรรพคุณทางสมุนไพร  ใบตำพอกแผล  ฝีพุพอง  ใบต้มน้ำอุ่นอาบ  หรือแช่แก้โรคปวดข้อ

บุนนาค

บุนนาค

บุนนาค

“….พิกุลบุนนาคมากมี
ตามทางหว่างวิถีสีขาวสด
ชมพลางทางเร่งรีบรถ
เลียบตามบรรพตคีรี…”

วรรณคดี : “อิเหนา”  ตอนท้าวปันจะรากันไปในพิธีอภิเษกสังคามาระตา
ผู้ประพันธ์ :  พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ชื่อพฤกษศาสตร์  :  Mesua  ferrea, L.
ชื่อสามัญ          :  Indian  Rose  Dhestnut, Iron  Weed
ชื่อวงศ์             :  Guttiferae
ชื่ออื่น ๆ            :  นาคบุตร

บุนนาคเป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่  ทรงพุ่มยอดแหลม  ออกดอกในฤดูหนาว  ใบเป็นใบเดี่ยว  ออกสลับทิศทางกัน  มีลักษณะเป็นกระจุกใหญ่ตรงกลาง  บางต้นกลีบดอกออกสีชมพูเรื่อ ๆ เมื่อดอกบานเต็มที่มีขนาด ๕ - ๗.๕ เซนติเมตร  หลังจากดอกโรยจะติดเมล็ด การขยายพันธุ์  นิยมใช้วิธีตอนกิ่ง  หรือเพาะเมล็ด คุณค่าทางสมุนไพร  ใช้เกสรผสมยาหอมบำรุงหัวใจ  แก้ร้อนในกระหายน้ำ  แก้วิงเวียนเป็นยาชูกำลัง ฯลฯ 

ดอกกรรณิการ์

ดอกกรรณิการ์

กรรณิการ์

“…กรรณิการ์  ก้านสีแดงสด
คิดผ้าแสดติดขลิบนาง
เห็นเนื้อเรื่อโรงราง
ห่มสองบ่าอ่าโนเน่…”

วรรณคดี :  กาพย์ห่อโคลง  “นิราศธารโศก”
ผู้ประพันธ์ :  เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง)
ชื่อพฤกษศาสตร์    :  Nyctanthes arbor – tristis
ชื่อสามัญ            :  Night Jasmine
ชื่อวงศ์               :  Verbenaceae

กรรณิการ์เป็นพุ่มไม้ขนาดเล็ก  สูงประมาณ ๑ - ๒ เมตร  ใบสากคาย  ขอบใบเป็นจักตื้น ๆ และใบออกทิศทางตรงข้ามกัน ดอกสีขาว  ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง  ลักษณะคล้ายดอกมะลิ  แต่มีขนาดกลีบแคบกว่า  ปลายกลีบมี ๒ แฉก  ขนาดไม่เท่ากัน  โคนกลีบติดกันเป็นหลอดสีส้มสด  ดอกบานส่งกลิ่นหอมในเวลากลางคืน  และจะร่วงในเช้าวันรุ่งขึ้น ผลมีลักษณะกลมแบน  ขณะอ่อนมีสีเขียว  เมื่อแก่เป็นสีดำ การขยายพันธุ์ ใช้ตอนกิ่ง ทางด้านสมุนไพร  เปลือกให้น้ำฝาด  เปลือกชั้นในเมื่อผสมกับปูนขาวจะให้สีแดง  ดอกมีน้ำมันหอมระเหยที่กลั่นได้  เช่นเดียวกับมะลิ  ส่วนของดอกที่เป็นหลอด  สกัดเป็นสีย้อมผ้าไหม  ใบใช้แก้ไข้และโรคปวดตามข้อ  น้ำคั้นจากใบใช้เป็นยาระบาย  และเป็นยาขมเจริญอาหาร